วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

DIARY (4)

image image  DIARY imageimage


17/09/55

กล่าวสวัสดีไดอารี่อีกครั้งและคงเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าได้เขียนเจ้า รู้สึกซาบซึ้งเล็กน้อย 
เพราะข้าพเจ้ามิเคยเขียนไดอารี่มาก่อน TT^TT งั้นเรามาเริ่มกันเถอะ

ตอนเช้าเลยยย วันนี้ข้าตื่นนอนด้วยสภาพแจ่มใส อาจเพราะข้าต้องตื่นมาท่องชีววะที่รักก ก็ท่องไปท่องมา จู่ๆข้าก็หลับซักสักงั้น โอยยย สุดจะเซง และที่โรงเรียนวันนี้ได้มีแม่ชีท่านนำพระพุทธชยันตีองค์ดำมาไหว้กัน ทำให้ทุกคนได้บุญกันถ้วนหน้าเลยยย เราก็ HAPPY ไปด้วยยยแลัวที่ห้องเรียนมอสี่ทับสองของเรา พวกเราก็ได้มานั่งทำชีววะที่รัก(อีกแล้วว) แต่อันนี้มันเป็นเกมส์นะ  โหหห เหนื่อยมากกที่เราต้องปีนเข้าออกหน้าตาเพื่อไปพ้นสี


แล้วตอนกลางวัน ก็ไม่มีอะไรมาก ก็แค่กินข้าวแล้วเรียนคาบห้าถึงคาบสุดท้ายต่อ
วิชาฟิสิกส์เป็นอะไรที่สบายยมากกก อาจเพราะดูลายเซ็นต์อย่างเดียว จบ
วิชาคณิต พออาจารย์เอาโจทย์หลายๆโจทย์รวมกัน งงเลยยย
วิชาเคมี วันนี้ข้าโครตง่วเลยยย ฮ่าฮ่าฮ่า แต่ก็เรียนรู้เรื่องนะ 


ตอนเย็น ก็กลับบ้าน กินข้าว แล้วมานั่งเขียนไดอารี่นี่ล่ะ อ้าาา ถึงเวลาที่ข้าต้องไปล่ะ จะไปตะลุยอ่านสอบและทำการบ้าน ถึงเวลาที่ข้าต้องลาเจ้าแล้วนะไดอารี่ แล้วเราค่อยมาจะเจอกัน ข้าจะไม่ลืมเจ้าเลย





บ๊ายบาย  DIARY

Jeep 

วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555

DIARY (3)

image image  DIARY imageimage

16/09/55

สวัสดีจ้าาา ไดอารี่(ที่รัก??) วันนี้ก็เป็นวันที่สามแล้วซินะสำหรับการเขียนไดอารี่
โอ้ๆๆๆ ไดอารี่ วันนี้รู้สึกไม่มีมีอะไรจะโม้ง่าา(หรือแกบ่นซะมากกว่า) งั้นมาเริ่มกันเถอะ

ตอนเช้าตรู่ วันนี้ข้าพเจ้าตื่นมาตั้งแต่ตีห้า(ตื่นมาทำไม) แล้วข้าพเจ้าก็หลับต่อ(= =) จนกระทั่งตื่นมาอีกทีสิบโมง พระเจ้านี่ข้าหลับหรือตายกันแน่ ตื่นมาข้าก็รับประทานโจ๊กอันแสนอร่อย แต่ก็ยังหิวอยู่ดี


ตอนกลางวัน ข้าก็ได้ทำการบ้านคณิตศาสตร์(ดั่งที่ข้าไดกล่าวไว้แล้ว)จนกระทั่งข้าทำจนเสร็จสิ้น 
(น่าดีใจจริงๆ) แต่แล้วที่บ้านแอร์เสียเปิดไม่ได้ ข้าจึงต้องไปอาบน้ำอีกครั้ง อ้า..อาบน้ำรู้สึกสดชื้นมาก


ตอนเย็น ตั้งแต่ ห้าโมงถึงณ ตอนนี้ ข้าพเจ้าก็ได้อ่านชีวะ(ที่รัก??) พร้อมกับการฟังเพลงบวกดูหนัง
(ข้านี้ทำได้ไง) ถ้าทำอย่างงี้แล้วข้าจะอ่านรู้เรื่องนะ (แปลกไหมล่ะ??)  แต่วันนี้ข้าไปเที่ยวกนกกาญจน์มาข้าไปเห็นริสแบนด์วงBEAST ข้าอยากได้มากก แต่ไม่ได้เอาตังค์ ข้าจึงอด TT^TT 

สวยไหมล่ะ อิอิ

ไปล่ะ ไดอารี่มายเลิฟ ถึงเวลาที่ข้าต้องไปจำชีวะต่อ จากนี้ข้าจะฝากเพลงวงBEAST ให้ฟัง






บ๊ายบาย  DIARY

Jeep 



วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2555

DIARY (2)

image image  DIARY imageimage


15/09/55

แล้ววันนี้ก็เป็นที่สองซินะที่เขียนไดอารี่ ไดอารี่จ้าาา วันนี้เป็นอีกวันที่โครตง่วงเลยและบวกกับความเหนื่อยล่า(การบ้านที่แสนเยอะโครต) แต่แล้วก็มีเรื่องยินดีกับเรื่องสุดเซง ไดอารี่อยากฟังเรื่องไหนมากที่สุด งั้นเอาเรื่องดีก็ล่ะกัน

 เรื่องดีที่สุดในวันนี้ก็คือ ข้าพเจ้าทำการบ้านอาจารย์ชาวต่างชาติ(ที่รัก??) เสร็จแล้ว TT^TT
ในที่สุดเสร็จซะที จากการทรมานนิ้วมือ ตั้ง 1000 คำเลยนะครับ ไดอารี่จ้าา

เรื่องที่สุดเซงที่สุดในวันนี้คือ ข้าพเจ้าพึ่งไปแยกฟันมา(ครั้งที่สามแล้ว) รู้สึกอยากร้องไห้เพราะมันโครตปวดเลยและบวกกับความหิวโหยที่ข้าจะไม่ได้กินของกรอบๆอีกนานแสนนาน(เวอร์มากกก)และยังมีอีกวันนี้ข้าเผลอหลับไปทำให้งานไม่คืบหน้าเลย อุตสาห์บอกกับตนเองว่าวันนี้งานคณิตต้องเสร็จนะๆยังหลับได้อีก ข้านี่เก่งจริงๆเลยนะ 5555(ชักจะบ้า)

ถึงแม้วันนี้ข้าน้อยจะนอนมากไปหน่อย แต่การบ้านของข้าน้อยก็คืบหน้ามานิดหนึ่ง(น่าภูมิใจไหมล่ะ)และถึงเวลาล่ะที่ข้าต้งไปล่ะ ข้าจะไปหม่ำโจ๊ก  



เป้าหมายของวันพรุ่งนี้
หนึ่ง  ข้าจะต้องทำงานคณิตให้เสร็จจงได้
สอง  ข้าจะต้องจำชีววะ(มายเลิฟ) ให้ได้!!!!
สาม  ข้าสัญญาว่าจะมาเขียนไดอารี่ในวันพรุ่งนี้อีก แน่นอน!!





บ๊ายบาย  DIARY

Jeep 

วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2555

LINK BLOG

BLOGGER ของเพื่อนๆ

M.4/2

เลขที่ 01 : ไปอเมริกา
เลขที่ 02 : http://freewab42.blogspot.com/
เลขที่ 03 :
เลขที่ 04 : http://peatarn.blogspot.com/
เลขที่ 05 : http://pompampkppf
เลขที่ 06 : http://nujunenongnapas.blogspot.com/ 
เลขที่ 07 : http://lookmaii0009.blogspot.com/
เลขที่ 08 :
เลขที่ 09 : http://maprangmycomputer.blogspot.com/
เลขที่ 11 : http://stdworkm45.blogspot.com/
เลขที่ 12 : http://game22223.blogspot.com/
เลขที่ 13 : http://supermakebam.blogspot.com/
เลขที่ 14 : http://ponglist.blogspot.com/
เลขที่ 15 : http://home555.blogspot.com/
เลขที่ 16 : http://jenjira123.blogspot.com/
เลขที่ 17 : http://pimonpakchok.blogspot.com/
เลขที่ 18 : http://kfjgo.blogspot.com/ 
เลขที่ 19 : http://kaewer.blogspot.com/
เลขที่ 20 ::http://4220-120703.blogspot.com/
เลขที่ 21 : http://paitong4x400m.blogspot.com/
เลขที่ 22 : http://with-me-love.blogspot.com/
เลขที่ 23 : http://ing789.blogspot.com/
เลขที่ 24 : http://ttdialogue.blogspot.com/
เลขที่ 25 : http://ningpassword.blogspot.com/
เลขที่ 26 : http://freeweb4226.blogspot.com/
เลขที่ 27 : http://somoo13.blogspot.com/
เลขที่ 28 : http://usapetch.blogspot.com/
เลขที่ 29 : http://tew4229.blogspot.com/
เลขที่ 30 :
เลขที่ 31 :
เลขที่ 32 : http://buddyyyyy.blogspot.com/
เลขที่ 33 :
เลขที่ 34 :
เลขที่ 35 : http://carcap.blogspot.com/
เลขที่ 36 :
เลขที่ 37 :
เลขที่ 38 : http://yungkaoaboutme.blogspot.com/
เลขที่ 39 :
เลขที่ 40 :





DIARY (1)

image image  DIARY imageimage

14/09/55

วันนี้เป็นวันแรกที่ได้เขียนไดอารี่  >O< แล้วน่าจะเป็นครั้งแรกอีกด้วยที่ได้เขียนไดอารี่!!! รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยถึงมากโครต 555+ แต่มีปัญหาอย่างหนึ่งคือ ในไดอารี่มันเขียนอะไรมั่ง??? อืมส์...... คงจะโม้ๆเกี่ยวกับชีวิตประจำวันล่ะมั่ง = ="  งั้นอย่ารอช้ามาเริ่มกัน!!!!

ตอนเช้า ตื่นนอนได้อย่างง่วงมากกกกในใจไม่อยากไปโรงเรียน แต่ก็ไปเรียน เหอะๆๆ วันนี้ตอนเข้าแถว อาจารย์เขาเปิดเพลงโครตเร็วเลยยย ว่าจะนอนนิดหน่อยและเมื่อคืนก็นอนดึกด้วยนั่งทำงานอาจารย์ชาวต่างชาติ เขาสั่งงานคำศัพท์ตั้ง 1000 คำ TT0TT อยากจะร้องไห้ เมื่อคืนเลยนอนดึกเลย แต่ก็ดีใจอย่างหนึ่งคือ รางวัลประกวดห้องตกเป็นของห้องเรา ฮ่าฮ่า HAPPY 

ตอนกลางวัน ต้องรีบกินข้าวเพื่อที่จะไปทำงาน(อีกแหละ) ที่นี้ของอาจารย์คณิตศาสตร์ ที่ห้องสมุดคือค้นคว้าโจทย์คณิตมานั่งทำตั้ง 10 ข้อ พอได้หนังสือสองเล่มอย่างหนา เน้นอย่างหนา แบกกลับบ้าน โอยยย ปวดหลังโครตตตต

ตอนเย็น วันนี้คาบ 7 เรียนศิลปะ OH MY GOD ฉันเกลียดการแรเงามากกก ก็นั่งแรเงาไปอย่างเซ็งๆ ออกมาก็พอดูดี เหอะๆ แต่มันไม่เสร็จจึงขึ้นไปทำงานที่ห้องต่อ พอเสร็จก็ลงมาส่ง อยากบอกว่าเหนื่อยมากก จากตึกมอปลายถึงห้องศิลปะ 


รู้สึกว่าวันนี้เป็นวันไม่ดีเลย =0= แต่ช่างเถอะพรุ่งนี้นาจะดีกว่านี้ แค่นี้และกลับไปทำงานก่อนล่ะกัน (สัปดาห์นี้ การบ้านโครตเยอะเลย)






บ๊ายบาย  DIARY

Jeep 



วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

ต้นแอปเปิ้ลกับเด็กน้อย

ต้นแอปเปิ้ล

มีต้นแอปเปิ้ลใหญ่อยู่ต้นนึ่ง เด็กชายเล็ก ๆ คนหนึ่งชอบที่จะมาเล่นรอบ ๆ ต้นแอปเปิ้ลนี้ทุกวัน หนูน้อยจะปีนต้นไม้เล่น ปลิดลูกแอปเปิ้ลมากิน แล้วก็งีบหลับใต้ต้นไม้นั้น หนูน้อยรักต้นแอปเปิ้ลมาก และต้นแอปเปิ้ลก็รักแกเช่นกัน

แต่เวลาผ่านไป เด็กน้อยโตขึ้น และไม่มาเล่นใต้ต้นแอปเปิ้ลทุกวันเหมือนก่อนแล้ว วันหนึ่ง เด็กชายกลับมาพร้อมกับท่าทางหงอยเหงา
"มาเล่นด้วยกันเถอะ"  ต้นแอปเปิ้ลชวนเด็กชาย
"ฉันไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว ฉันไม่อยากเล่นรอบต้นไม้อีกแล้ว"  เด็กชายตอบ
"ฉันอยากเล่นของเล่น แต่ไม่มีเงินซื้อมัน"
"เสียใจด้วย  ฉันก็ไม่มีเงิน  แต่เธอพอจะเก็บลูกแอปเปิ้ลของฉันไปขายได้นะ เธอจะได้มีเงิน"  ต้นแอปเปิ้ลกล่าว
เด็กชายดีใจมาก เก็บลูกแอปเปิ้ลจนหมดต้น และจากไปอย่างมีความสุข และก็ไม่ได้กลับมาอีกเลยหลังจากนั้น ทิ้งให้ต้นแอปเปิ้ลเสียใจ
วันหนึ่ง ต้นแอปเปิ้ลตื่นเต้นที่เห็นเด็กชายกลับมา
"มาเล่นด้วยกันเถอะ"  ต้นแอปเปิ้ลชวน
"ฉันไม่มีเวลาที่จะเล่นแล้ว ฉันต้องทำงานเพื่อครอบครัวของฉัน
เราต้องการจะสร้างบ้าน เธอพอจะช่วยฉันได้ไหม
?"
"เสียใจด้วย ฉันไม่มีบ้านจะให้เธอ แต่เธอพอจะตัดกิ่งของฉันไปสร้างบ้านของเธอได้นะ"
เด็กชายจึงตัดกิ่งแอปเปิ้ลหมด และจากไปพร้อมกับความสุขต้นแอปเปิ้ลดีใจที่เห็นเด็กน้อยมีความสุข  แต่เด็กชายก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย ทิ้งให้ต้นไม้ต้องเสียใจและเดียวดายเช่นเคย

วันหนึ่งในฤดูร้อน เด็กชายได้กลับมาอีก ต้นแอปเปิ้ลดีใจมาก
"มาเล่นด้วยกันเถอะ"  ต้นแอปเปิ้ลชวน
"ฉันแก่มากจนเล่นไม่ไหวแล้ว ฉันอยากจะไปแล่นเรือเพื่อพักผ่อนในช่วงสุดท้าย มีเรือให้ฉันยืมบ้างไหม?"
"ใช้ลำต้นฉันมาสร้างเรือสิ เธอจะได้แล่นเรือไปไกลตามที่ต้องการ"
เด็กชายจึงตัดต้นไม้มาสร้างเรือ และเขาก็แล่นเรือจากไปไม่ได้กลับมาให้เห็นอีกนาน
สุดท้าย หลายปีผ่านไป เด็กชายก็กลับมา
"ฉันเสียใจด้วย เด็กน้อยของฉัน ฉันไม่มีอะไรเหลือจะให้เธออีกแล้ว แม้แต่ลำต้นให้ปีนก็ไม่มี"  ต้นแอปเปิ้ลกล่าว
"ฉันก็แก่เกินไปแล้วเหมือนกัน"  เด็กชายตอบ
"สิ่งเดียวที่ฉันพอจะเหลือให้เธอได้ คือรากที่กำลังจะตายของฉันเท่านั้นเอง"  ต้นแอปเปิ้ลร้องไห้

"ฉันไม่ต้องการอะไรมากหรอก นอกจากที่ซึ่งจะได้เอนกายพักผ่อน ฉันเหนื่อยล้ามาหลายปีแล้ว"  เด็กชายตอบ
"ดีเลย  รากไม้นี่แหละคือที่ ๆ  ดีที่สุดที่จะเอนกาย  นั่งลงสิและพักผ่อนเถิด"  เด็กชายนั่งลง ต้นแอปเปิ้ลดีใจมาก และยิ้มทั้งน้ำตา


นี่คือเรื่องราวของเราทุกคน ต้นแอปเปิ้ลก็เปรียบได้กับพ่อแม่ของเรา ตอนเรายังเด็ก  เราอยากเล่นกับพ่อแม่ของเรา แต่พอเราโตเราก็จากพวกเขาไป จะกลับมาก็ต่อเมื่อ เรามีปัญหาและต้องการความช่วยเหลือ แต่อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ของเราก็ยังอยู่ที่นั่นเสมอ คอยให้ทุกอย่างเพื่อให้เรามีความสุข คุณอาจ จะคิดว่าเด็กชายในเรื่องช่างโหดร้ายต่อต้นแอปเปิ้ลเสียเหลือเกิน แล้วเราล่ะ...ได้ทำกับพ่อแม่ของเราเช่นนี้บ้างหรือไม่?






ถอนหญ้า??

ถอนหญ้า

"ก๊อก ๆ ๆ"

เสียงเคาะประตูที่ดังผ่านแผ่นไม้มาพร้อม ๆ กับเสียงที่ดูเหมือนกับเป็นคำสั่งว่า 

"ตื่นนอนได้แล้ว จะได้ช่วยกันทำงาน"

เด็กน้อยคนหนึ่งตื่นขึ้นมาท่าทางงัวเงียสลึมสลือ มือจับผ้าห่มที่อยู่ปลายเตียงมาพับและตอบรับเสียงปลุกนั้น

 
"อื่ม...ตื่นแล้ว ได้ยินแล้วครับ"
"นี่วันหยุดนะเนี่ย"  เด็กน้อยบ่นกับตัวเอง

"เดี๋ยวกินข้าวเสร็จไปถอนหญ้าที่ไร่นะ"

พ่อสั่งขณะที่ใช้ตะเกียบคีบเนื้อปลาให้ลูกชาย เด็กน้อยพยักหน้าตอบ และลงมือทานอาหารมื้อแรกของวัน หลังจากทานอาหารเสร็จ เด็กน้อยเดินไปหยิบหมวกและเสื้อแขนยาวมาสวมเพื่อกันแดด แล้ววิ่งออกไปหน้าบ้าน กระโดดขึ้นซ้อนท้ายจักรยานโบราณสภาพเก่าโทรม บ่งบอกถึงอายุการใช้งานซึ่งมีพ่อเป็นผู้ขี่  ในระหว่างทางเด็กน้อยคุยกับพ่อตลอด เขาป้อนคำถามที่อยากรู้ ซึ่งบางครั้งดูเหมือนกับว่าผู้เป็นพ่อจะพยายามสอดแทรกให้แง่คิดตลอด โดยที่เด็กน้อยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ไม่นานนักก็ถึงไร่ที่เขามีภารกิจที่จะต้องทำ 'ถอนหญ้า' ภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งหญ้าเปรียบเสมือน ศัตรูตัวฉกาจของชาวไร่

"เดี๋ยวเจ้าถอนหญ้าแปลงนี้นะ" พ่อสั่งพร้อมกับชี้นิ้วไปที่แปลงผัก  เด็กน้อยรับคำและลงมือถอนหญ้าออกจากแปลงผักทีละต้น ทีละต้น จนกระทั่งศัตรูตัวฉกาจของชาวไร่หายไปจากแปลงผักจนหมดสิ้น

"ไปพักกินน้ำที่ใต้ต้นมะม่วงก่อนปะ" เด็กน้อยรับคำพ่อแล้วเดินไปพัก

"กลับมาเร็ว ๆ นะ ยังมีอีกแปลงหนึ่ง" เสียงพ่อสั่งตามหลังเด็กน้อย

หลังจากได้พักกินน้ำ พ่อได้ส่งจอบให้เด็กน้อยพร้อมกับพูดว่า

"เอ้า เอาไปถากหญ้า" เด็กน้อยรับจอบและตรงไปยังแปลงผักเพื่อทำภารกิจต่อ

ดูเหมือนกับว่าเด็กน้อยจะพึงพอใจกับการใช้จอบถากหญ้ามากกว่าการใช้มือถอน  เหตุผลก็คือ  มันทำให้เขาสามารถทำงานได้รวดเร็ว  ซึ่งไม่นานนัก เขาก็จัดการกับศัตรูตัวฉกาจของชาวไร่อย่างราบคาบ หลังจากที่ภารกิจเสร็จสิ้นลง  พ่อลูกก็พากันกลับบ้าน  ระหว่างทางเด็กน้อยถาม

"ทำไมไม่ให้ผมใช้จอบตั้งแต่แรกล่ะครับ ทั้ง ๆ ที่ทำงานได้เร็วกว่า"

พ่อไม่ตอบ ได้แต่อมยิ้ม เก็บซ่อนคำตอบไว้เพียงผู้เดียว ผ่านไป 1 สัปดาห์ พ่อได้พาเด็กน้อยกลับไปที่ไร่อีก สิ่งที่เด็กน้อยเห็นก็คือ แปลงที่ใช้มือถอน บัดนี้ไม่มีหญ้าให้เขาถอนเลยแม้แต่ต้นเดียว แต่... แปลงที่ใช้จอบถาก กลับมีต้นหญ้าปกคลุมเหมือนเดิม  

"ทำไมมันเป็นอย่างนั้นล่ะครับ"  เด็กน้อยถามด้วยความสงสัย ทั้ง ๆ ที่เขาได้จัดการมันหมดไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

พ่อตอบ "แปลงที่เจ้าใช้มือถอนน่ะ เจ้าได้ถอนมันถึงรากถึงโคนส่วนแปลงที่เจ้าใช้จอบถากน่ะ เจ้าเพียงแต่ตัดเอาส่วนปลายของมันออกเท่านั้น มันยังคงมีส่วนที่ฝังลึกอยู่ในดินอีก มันก็เหมือนกับปัญหาต่าง ๆ ที่เราพบเจอนั่นแหละ ถ้าเราแก้ปัญหาที่ปลายเหตุโดยปล่อยสาเหตุของปัญหาไว้ ไม่นานนักปัญหานั้นก็จะกลับมาสร้างความเดือดร้อนให้เจ้าอีก แต่ถ้าเราแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ มันอาจจะยากสักนิดแต่มันก็ทำให้ปัญหานั้นหมดไปได้"

เด็กน้อยยิ้มรับด้วยความเข้าใจ

จงหันหน้าสู้กับปัญหา...อย่าท้อถอย



นมสด 1 แก้ว

นมสด 1 แก้ว

เมื่อหลายปีมาแล้ว ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เด็กชายเคลลี

นมสด 1 แก้ว
วันหนึ่งเขาพบว่าเมื่อจ่ายค่ารถและค่าสินค้าแล้ว เขามีเงินในกระเป๋าเหลือเพียง 10 เซ็นต์ เท่านั้น ขณะนั้นเขากำลังหิวมาก แต่เงินสดที่เขามีอยู่นั้นไม่พอที่จะซื้ออาหารแม้แต่เพียงมื้อเดียว
ดังนั้นเขาจึงคิดจะไปขออาหารจากบ้านที่กำลังเดินไปถึง แต่เมื่อกดกริ่ง หญิงสาวเจ้าของบ้านมาเปิดประตู เด็กชายเคลลี่ กับเกิดความละอายใจที่จะขออาหารเหมือนกับขอทาน เขาจึงขอเพียงน้ำเปล่าเพียงแก้วเดียวเท่านั้น แต่เจ้าของบ้านสาวสังเกตเห็นท่าทางของเด็กชายเคลลี่ว่าคงจะกำลังหิว เธอจึงได้นำเอานมสดแก้วใหญ่มาให้เคลลี่ดื่ม เด็กชายเคลลี่ดื่มนมอย่างกระหาย จนหมดแก้ว แล้วถามว่า ผมต้องจ่ายเงินค่านมถ้วยนี้ให้คุณเท่าไหร่ครับ เจ้าของบ้านสาวตอบว่า ไม่ต้องจ่ายเงินหรอก แม่ของฉันสอนไม่ให้รับสิ่งตอบแทนจากการให้น้ำใจไมตรี เคลลี่ซาบซึ้งใจมากและตอบว่า ถ้าเช่นนั้น ผมขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง จากหัวใจของผมก็แล้วกันนะครับ ขณะที่เด็กชายเคลลี่ได้เดินออกจากบ้านหลังนั้น เขาไม่เพียงแต่รู้สึกว่ามีกำลังแข็งแรงขึ้นจากนมสดแก้วโตเท่านั้น แต่เขาได้มีความเข้าใจในเรื่องของน้ำใจไมตรีเพิ่มขึ้นด้วย

อีก 30 ปีต่อมา
 มีหญิงคนหนึ่ง ป่วยหนักด้วยโรคหัวใจ ซึ่งแพทย์ท้องถิ่นไม่สามารถรักษาได้ จึงส่งไปให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ด้านโรคหัวใจทำการรักษา เมื่อได้อ่านประวัติผู้ป่วยแล้ว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นได้สะดุดใจกับชื่อหมู่บ้านของผู้ป่วยคนนั้น จึงตั้งใจรักษาด้วยการผ่าตัดหัวใจอย่างพิเศษ โดยใช้อุปกรณ์ทันสมัยที่สุด และยาราคาแพงที่ดีสุด จนผู้ป่วยหายเป็นปกติพร้อมจะกลับบ้าน ผู้ป่วยมีความกังวลว่าค่ารักษาพยาบาลคงจะมีราคาแพงหลายหมื่นดอลลาร์ ซึ่งเธอเข้าใจว่าคงจะต้องทำงานทั้งชีวิตกว่าเธอจะหาเงินค่ารักษาพยาบาลได้ เพราะเธอไม่มีประกันสุขภาพ และยังไม่สามารถไปเบิกได้จากที่ไหนได้ แต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญคนนั้น ได้บอกเจ้าหน้าที่แผนกบัญชีให้นำใบเก็บเงินไปให้เขา แล้วหมอก็ใช้ปากกาเขียนข้อความสองบรรทัด แล้วยื่นให้เจ้าหน้าที่บอกให้ผู้ป่วยกลับบ้านได้ โดยไม่ต้องจ่ายเงินเลย

         ข้อความที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นเขียนในใบเรียกเก็บเงินนั้นมีว่า จ่ายค่ารักษาพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ด้วยนมสดหนึ่งแก้ว ลงนามนายแพทย์โฮเวอร์ด เคลลี่ 


วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2555

มารู้จักกับเจ้าของblogกัน


ฉายาเราเอง ฮ่าฮ่า

ABOUT ME


NAME : เจนจิรา พงศ์ปฏิมาพรรณ

CLASS : มัถยมศึกษาปีที่ 4 ห้อง 2